เบื้องหน้าของฉันเป็นความจริงที่วิเศษมาก เขาลูกเบ้อเร่อเป็นฉากเบื้องหน้าและถนนก็ลาดยาวไปถึงตรงนั่น… ขึ้นดอย….ลงดอย….คดไปคดมา….. แล้วฉันก็ตระหนักว่า ชีวิตไหนหนอจะซื่อตรงตลอดทางชีวิต…..ไม่มี..
“Let bygones be bygones" ฉันเห็นประโยคนี้ที่วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ ทำให้หวนนึกถึงความเป็นจริง ว่า จะมีสักกี่คนนะใครจะสามารถปล่อยให้สิ่งที่ผ่านไปแล้วให้ผ่านเลยไปได้โดยเฉพาะสิ่งที่เรารู้สึกเสียดาย และอยากให้กลับคืนมา”
“มกรกำลังคายนาค เป็นปรัชญา แสดงถึงการกลืนไม่เข้า คายไม่ออก และเป็นการตั้งคำถามกับมนุษย์ว่าจะเลือกทำความดีหรือความชั่ว”
“Naga หรือ นาค เป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าแห่งสายฝน(god of rain) (ตามความเชื่อของคนทั่วไป)ในทางศาสนา เชื่อว่า Naga คือสื่อของพื้นดินเพื่อที่จะก้าวขึ้นสู่สวรรค์ (Nagaที่อยู่ข้างบันไดวัดนั้น เป็นบันไดสู่สวรรค์) ในวิหารมีพระประธานอยู่ตรงกลาง มีเสาต้นใหญ่มากอยู่ข้างๆ เป็นการจำลองบรรยากาศของป่าหิมพานต์”
“เสียงบรรเลงของเพลงไทยเดิม ดูมีเสน่ห์และช่างคู่ควรกับการทานอาหารแบบขันโตกเสียนี่กระไร แต่ละนางรำ ก็แสดงได้น่ารักเสียงพลิ้วของเส้นสายดนตรี ก็ดูจะพลิ้วไหวในอารมณ์ความรู้สึกของเราเสียจริง เชียงรายกับสายน้ำกก ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง…”
ศรีสัชนาลัย ความหมายของชื่อเมืองนี้ช่างน่ารักนัก หมายถึง “เมืองของคนดี หรือเมืองที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดีแล้ว”
“สังคโลก บ้างเชื่อว่าเพี้ยนมาจากคำว่า “ซ้องโกลก” ซ้องคือราชวงศ์ซ้องของจีน โกลก คือ ภาชนะดินเผา”
“เชิงเทิน คือที่ว่างบนกำแพงเมืองที่ให้ทหารเดินตรวจยาม”
“วัดนางพญามีรูปปูนปั้นลายร้อยรักแข้งสิงห์และค้างคาว ส่วนวัดเจดีย์เจ็ดแถวมีเจดีย์ทรงดอกบัวตูม ซึ่งเป็นเจดีย์ต้นแบบของสุโขทัยโดยแท้วัดนี้มีเจดีย์รายมากถึง 33 องค์เจดีย์ทรงดอกบัวตูม มีการย่อมุมไม้ 20 เพื่อรับกับดอกบัวตูมเจดีย์รายบางองค์ ได้อิทธิพลจากล้านนา และจากทางใต้ (เช่นอมารกะ หมายถึง การเป็นนิรันดร์ ไม่มีวันตาย)เจดีย์เหล่านี้ มีไว้เพื่อบรรจุอัฐิของราชวงศ์สุโขทัย”
“ในสมัยสุโขทัย ยังไม่มีปูน ดังนั้นการก่ออิฐ จึงใช้ดินสอในการก่อแทนปูน เพื่อให้การก่อนั้นอยู่ตัว”
“พระพุทธรูปปางนาคปรกถ้ามีขดงูเจ็ดชั้นและเก้าชั้น จะเป็นศิลปะที่ถ่ายทอดมาจากอินเดีย แต่ถ้ามีสามชั้นเป็นศิลปะของขอม”
“วัดช้างล้อมที่ศรีสัชนาลัยช้างจะสร้างแบบประติมากรรมลอยตัว ไม่มีที่ใดเหมือน ถ้าเป็นช้างล้อมช้างก็จะเป็นแบบครึ่งตัว หรือโผล่มาแค่หัว วัดนี้มีช้างล้อม 39เชือก ส่วนเจดีย์ฐานเขียงทรงระฆังคว่ำ เป็นศิลปะศรีลังกาแต่ก็มีการรับอิทธิพลจากพุกาม โดยมีบัวปากระฆัง ซึ่งถ้าหากเป็นศิลปะลังกาจริงๆจะไม่มีบัวปากระฆัง”
“วัดมหาธาตุ มีเจดีย์ทรงดอกบัวตูมวัดนี้เป็นอารามหลวง เจดีย์หลวง เป็นศิลปะสุโขทัย รอบๆเจดีย์ มีเจดีย์รายเป็นศิลปะขอม ก่อนสมัยสุโขทัย เป็นยุคของขอม และพอมาถึงสมัยสุโขทัยก็มีการสร้างเจดีย์ครอบอีกชั้นหนึ่ง”
“วิหาร หากเป็นศิลปะสุโขทัย มักจะสร้างเป็นวิหารโถงหรือวิหารโล่ง แต่ถ้าเป็นศิลปะแบบอยุธยา จะนิยมสร้างวิหารโดยมีการเจาะช่องลมด้านข้าง”
เชียงแสนเจ้าเอย
“วัดป่าสัก ที่เชียงแสนสร้างโดยพระเจ้าแสนภู กษัตรีย์องค์ที่สาม แห่งราชวงศ์มังราย วัดนี้พระองค์ได้สร้างหลักจากที่สร้างเมืองเชียงแสน และวัดเจดีย์หลวง (วัดหลวง)สันนิษฐานว่า สร้างในศตวรรษที่ 19- 20 เป็นศิลปะผสม (ตัวเจดีย์)ระหว่างศิลปะลำพูน (ล้านนา)สุโขทัย และพม่าเจดีย์ถูกสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานอัฐิส่วนตาตุ่มข้างขวาของพระพุทธเจ้าในช่วงแรกของการตั้งเมืองเชียงแสน พระเจ้าแสนภูทรงเป็นผู้ปกครองเมืองและเมื่อพระองค์เสด็จสวรรณคต พระราชโอรสก็ทรงปกครองต่อมาและได้กลายเป็นเมืองลูกหลวง ช่วงหลัง เมืองเชียงแสนด้อยความสำคัญลง (เมืองเชียงแสนถือว่าเป็นเมืองหรืออาณาจักรแรกของเมืองเชียงใหม่) เมืองไม่เข้มแข็ง จึงถูกพม่าเข้าครองบ้างอาณาจักรอยุธยาครองบ้าง ช่วงที่ถูกพม่ายึดครองนั้น พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชแห่งราชวงศ์จักรี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นเมืองหลวง ได้ทรงส่งพระยายมราชมาปราบพม่า ละเผาเมืองเชียงแสน ป้องกันการที่พม่าจะยึดเป็นฐานทัพอีก
ในวัดป่าสักมีอิทธิพลของศิลปะสุโขทัยอยู่ด้วยเช่นกัน คือ พระพุทธรูปปางลีลา แบบประทับยืนที่ซุ้มจรนำด้านบน ส่วนศิลปะลำพูน หรือล้านนานั้น คือ ตรงฐานเจดีย์นั้นมีซุ้มรอบเจดีย์ เจดีย์ทรงมณฑปยอดทรงกลมห้ายอด ลายปูนปั้นของที่นี่สวยมากที่สุดของทางเหนือ ในช่วงของการสร้างวัดนี้ก็ได้มีการปลูกต้นสัก 300 ต้นอยู่นอกกำแพงเมืองเชียงแสนด้วย”
No comments:
Post a Comment